รมว.ศธ. “เพิ่มพูน
31 ตุลาคม 2567 / พลตำรวจเ...
19 ธันวาคม 2567 – พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการโครงการส่งเสริมการศึกษาวิจัยและพัฒนาการจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับความฉลาดรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) ระหว่าง สำนักงานเลขาธิการคุรุสภากระทรวงศึกษาธิการ กับ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และมูลนิธิจูเนียร์อะชีฟเมนท์แห่งประเทศไทย โดยมี ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน จากธนาคารแห่งประเทศไทย นางสาวอาชินี ปัทมะสุคนธ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายสื่อสารองค์กร จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และนายธาดา เศวตศิลา ประธานมูลนิธิจูเนียร์อะชีฟเมนท์แห่งประเทศไทย เป็นผู้แทนลงนาม ณ หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ
สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา โดยสถาบันคุรุพัฒนา ได้ดำเนินงานโครงการส่งเสริมการศึกษาวิจัยและพัฒนาการจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับความรู้ทางการเงิน เพื่อส่งเสริมการศึกษา วิจัยและค้นคว้าแนวทางในการจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับความฉลาดรู้ทางการเงิน หรือ Financial Literacy การพัฒนานิสิตนักศึกษาครู ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ศึกษานิเทศก์ และบุคลากรทางการศึกษา ให้มีความรู้ความเข้าใจกิจกรรมการเรียนการสอนเกี่ยวกับความฉลาดรู้ทางการเงิน และสามารถนำไปถ่ายทอดต่อยังผู้เรียนจนเกิดเป็นแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ในชุมชนทางการศึกษานั้น ๆ โดยมีกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมทั้งครู และบุคลากรทางการศึกษา นิสิตนักศึกษาครู และคณาจารย์ในสถาบันผลิตครู ซึ่งเป็นการพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาทั้งระบบ
รมว.ศธ. กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการมีความมุ่งหมายให้เด็กทุกคนเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ จึงให้ความสำคัญกับการศึกษาเพื่อความมั่นคงของชีวิต เป็นกลไกในการพัฒนาศักยภาพคน เพราะการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพจะทำให้มนุษย์เข้าสู่การพัฒนาและเติมเต็มศักยภาพสูงสุดในทุกด้าน การลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้มีขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมพัฒนาให้นิสิตนักศึกษาครู ครู และบุคลากรทางการศึกษา มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความฉลาดรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) นำไปจัดกระบวนการเรียนการสอนในชั้นเรียนให้เกิดเป็นทักษะที่ใช้ประโยชน์ได้ในชีวิตจริงของผู้เรียน นับเป็นทักษะหนึ่งที่จำเป็นต่อการพัฒนาการศึกษาเพื่อความมั่นคงของชีวิต ซึ่งเป็นหลักการภายใต้นโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ของกระทรวงศึกษาธิการ ถือเป็นแนวคิดทางการศึกษาที่มีความสำคัญในการปลูกฝังและให้ความรู้ด้านการเงินกับผู้เรียน ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา เพราะทักษะด้านการเงินจะติดตัวผู้เรียนตลอดไป ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยใด หรือพบเจอกับสถานการณ์ใดก็สามารถนำทักษะและความรู้เท่าทันทางการเงินนี้มาใช้ได้ตลอดชีวิต นับเป็นสมรรถนะที่สอดรับกับบริบทการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า สำหรับการดำเนินงานในระยะเริ่มแรกนี้ มุ่งเน้นการพัฒนาสมรรถนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยเฉพาะการพัฒนานักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานผ่านกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC) ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อพัฒนาจรรยาบรรณวิชาชีพผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (Ethics in Professional Learning Community : E-PLC) ให้ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจและมีสมรรถนะในเรื่องการเงิน คณิตศาสตร์ การวางแผน และความสามารถในด้านการวิเคราะห์ให้เกิดกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ และสามารถจัดการเรื่องการเงินทั้งในชีวิตประจำวันและอนาคตได้
นอกจากนี้ คุรุสภายังให้ความสำคัญกับผู้เตรียมเข้าสู่วิชาชีพครู ซึ่งจะส่งเสริมให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความฉลาดรู้ทางการเงิน เพื่อให้มีเจตคติและพฤติกรรมทางการเงิน ภายใต้บริบททางการเงินในระดับบุคคลที่เหมาะสมและสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปจัดกระบวนการเรียนการสอนในชั้นเรียนได้ โดยมุ่งหวังว่าจะสร้างครูยุคใหม่ที่มีความรู้ ความสามารถที่ก้าวทันการพัฒนาของเศรษฐกิจและสังคม
“ขอขอบคุณ 3 องค์กรหลักที่เห็นถึงความสำคัญและร่วมเป็นเครือข่ายกับสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ ในการพัฒนาขีดความสามารถของครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีความฉลาดรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) และสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มุ่งผลลัพธ์ต่อผู้เรียน โดยการถ่ายทอดความรู้ ทักษะ และเจตคติที่ทำให้สามารถตัดสินใจด้านทรัพยากรการเงินได้อย่างถูกต้อง มีความรอบรู้ นับเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้นักเรียนทุกคนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง” รมว ศธ. กล่าว
ธรรมนารี ชดช้อย / ข่าว , กราฟิก
อินทิรา บัวลอย / ภาพ