2 พฤษภาคม 2568 – พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธี Kickoff : โครงการพาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง (OBEC Zero Dropout) ระยะที่ 2 “นำการเรียนไปให้น้อง” และการประชุมเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน “เรียนดี มีความสุข : กลับมาเรียนอย่างมั่นใจ เริ่มเทอมใหม่อย่างมีความสุข”

โดยมีนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ศธ. นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัด ศธ. ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดร.พีระพันธ์ เหมะรัต เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. นายธนากร ดอนเหนือ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ และผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมด้วยนายไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา รวมถึงผู้บริหารการศึกษาและบุคลากรทุกสังกัดกว่า 500 คน เข้าร่วม ณ หอประชุมคุรุสภา และร่วมประชุมออนไลน์ ผ่านระบบ Zoom ถ่ายทอดสดทาง OBEC Channel ของ สพฐ.

รมว.ศธ. กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการตั้งเป้าหมายที่จะลดจำนวนเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษาให้เป็นศูนย์ ถือเป็นความท้าทายที่สำคัญ โดยที่ผ่านมา ศธ. ได้เร่งติดตามการดำเนินงานในทุกจังหวัดให้ครบ 100% เพื่อนำผลการติดตามมาวิเคราะห์และช่วยเหลือเด็กได้อย่างเต็มที่ ให้เด็กทุกคนสามารถกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาและได้รับโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ขณะนี้เราสามารถค้นหาติดตามเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษาครอบคลุม 77 จังหวัด ในทุกเขตพื้นที่ครบ 100% แล้ว และในการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 จะดำเนินการระยะที่ 2 คือ นำการเรียนไปให้น้อง โดยมีการนำระบบ 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ ให้ผู้เรียนได้รับการศึกษาแบบยืดหยุ่น มีทั้งการเรียนในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย เพราะเด็กแต่ละคนมีความจำเป็นที่แตกต่างกัน ดังนั้นเราจะนำการศึกษาไปหาเด็กๆ ตามนโยบาย เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา “Anywhere Anytime

กระทรวงศึกษาธิการยังคงดำเนินการให้เด็กยังอยู่ในระบบการศึกษาอย่างต่อเนื่อง โดยจะเสริมสร้างความร่วมมือกับผู้ปกครอง ครู และชุมชน เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิทางการศึกษาและการสนับสนุนตามความต้องการอย่างเหมาะสม เพื่อให้เด็กทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม โดยต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ส่วนแนวทางในการพัฒนาเพื่อให้สถานศึกษาจัดการเรียนให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียน มีการนำนวัตกรรมโรงเรียนมือถือ (Mobile School) ที่ทำให้ผู้เรียน เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา โดยเชื่อมโยงการเรียนรู้กับชุมชน ผู้ประกอบการ ภาคเอกชน เพื่อให้สามารถเก็บหน่วยกิตได้ ส่งเสริมการมีรายได้ระหว่างเรียนและเพื่อให้โอกาสในการกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเท่าเทียมในทุกเขตพื้นที่

สำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 1/2568 ขอให้สถานศึกษาทุกแห่ง ร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ดูแลและดำเนินการเตรียมความพร้อมฯ ในทุกมิติ ทั้งความพร้อมด้านการจัดการเรียนการสอน รวมทั้งอาคารสถานที่และสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียน ด้านความปลอดภัยของผู้เรียนทั้งในและนอกสถานศึกษา เตรียมแผนเผชิญรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ความพร้อมในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่เป็นสวัสดิการ สวัสดิภาพและปัจจัยพื้นฐานของผู้เรียน เช่น การเตรียมความพร้อมในการจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายการศึกษา โครงการอาหารกลางวัน/อาหารเสริม (นม) บริการน้ำดื่มสะอาด การดูแลรักษาความปลอดภัยเรื่องจราจร รถรับ-ส่งนักเรียน ความรุนแรงหรือยาเสพติดในสถานศึกษา เพราะเราให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้เรียนทุกคน ให้มีความรู้ ความสามารถ มีทักษะชีวิต และมีคุณธรรมจริยธรรมที่เหมาะสม พร้อมเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างมั่นใจ รมว.ศธกล่าว

ขอบคุณความร่วมมือของทุกฝ่าย รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจขับเคลื่อนนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” และสิ่งสำคัญคือ “ความร่วมมือพัฒนาการศึกษา” ที่พวกเราจะทำให้เกิดขึ้นร่วมกัน มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ด้วยการทำงานเป็นทีมและจะประสบผลสำเร็จได้หากพวกเราทุกคน “จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน” เพื่อปฏิวัติการศึกษา แก้ปัญหาประเทศ ให้คนไทย “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” และประเทศ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ต่อไป รมว.ศธ. กล่าว

นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศธ. เผยถึงความสำเร็จของนโยบาย พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ผ่านมาทั้งการพัฒนาระบบ TRS (Teacher Rotation System) ระบบการโยกย้ายที่มีความเป็นธรรม การช่วยเหลือเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษา Zero dropout ที่สำรวจครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว และการสอบเทียบวัดระดับความรู้การศึกษาขั้นพื้นฐาน ด้วยระบบดิจิทัล (Digital Testing) ที่ผ่านมาได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งผลสอบสามารถนำไปใช้ประกอบอาชีพหรือศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นได้ เป็นนโยบายการจัดการศึกษาที่เท่าเทียม พัฒนาคนไทยทุกคนในทุกช่วงวัย ให้ผู้เรียน “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” สร้างความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำ และเพิ่มคุณภาพการศึกษา

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษก ศธ. เน้นย้ำเรื่องการสื่อสารให้ถูกต้อง ครบถ้วน เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดของเรื่องนั้น ๆ และขอเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการศึกษา ร่วมกัน “จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน” สร้างทรัพยากรมนุษย์ ที่มีค่าที่สุดของประเทศนี้ไปด้วยกัน

ด้าน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา กล่าวว่า Thailand Zero Dropout เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล และกระทรวงศึกษาธิการ โครงการ “พาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง” OBEC Zero Dropout จะสามารถตอบสนองความต้องการของนักเรียนและผู้ปกครองที่มีความจำเป็นแตกต่างกันได้ โดย “นำการเรียนไปให้น้อง” จะจัดสำหรับนักเรียนที่มีความจำเป็นเฉพาะไม่สามารถกลับเข้ามาเรียนในระบบได้ โรงเรียนก็จะนำการเรียนไปให้นักเรียนได้เรียนที่บ้าน หรือเรียนออนไลน์ เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย โดยปัจจุบันมีการนำร่องนำการเรียนไปให้น้องในรูปแบบต่างๆ เช่น โรงเรียนมือถือ เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา, ห้องเรียน/บวรสร้างโอกาส, ห้องเรียนเคลื่อนที่ ห้องเรียนสาขา, เครดิตแบงก์/เทียบโอนหน่วยกิต และเปลี่ยนบ้านเป็นห้องเรียน เปลี่ยนพ่อแม่เป็นครู โดยครูประจำชั้น ครูฝ่ายวิชาการ ร่วมจัดหาสื่อการเรียนรู้ นำแบบฝึกใบงานไปให้นักเรียนที่บ้าน ผู้ปกครองช่วยสอนและทำกิจกรรมร่วมกับนักเรียน มีการประเมินนักเรียนจากคลิปวิดีโอที่ผู้ปกครองส่งให้ เป็นต้น

สำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 เนื่องด้วยเดือนพฤษภาคมของทุกปี เป็นช่วงเวลาที่สถานศึกษาทั่วประเทศเตรียมความพร้อมการเปิดภาคเรียนใหม่ วันนี้จึงมีการมอบนโยบายและสร้างการเปิดภาคเรียนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากการผนึกกำลังร่วมกันของหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการทุกสังกัด ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) รวมถึงภาคีสำคัญ คือ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพื่อให้ผู้บริหารการศึกษาทุกสังกัด ทุกระดับ ได้รับทราบนโยบาย ทิศทาง เป้าหมายการขับเคลื่อนการศึกษาจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และผู้บริหารระดับสูง เพื่อให้การดำเนินงานด้านการจัดการศึกษาในภาคเรียนใหม่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งติดตามความพร้อมของสถานศึกษาในทุกมิติ อาทิ ด้านความปลอดภัย หลักสูตร บุคลากร และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศ โดยมีวาระสำคัญสำหรับปีการศึกษา 2568 คือ “เรียนดี มีความสุข : กลับมาเรียนอย่างมั่นใจ เริ่มเทอมใหม่อย่างมีความสุข” เพื่อมุ่งสร้างโอกาสทางการศึกษา ให้ผู้เรียนทุกคน “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” อย่างยั่งยืนต่อไป

ธรรมนารี ชดช้อย / ข่าว
ศศิวัฒน์ แป้นคุ้มญาติ , ณัฐพล สุกไทย / ภาพ

The post ศธ. เดินหน้า “นำการเรียนไปให้น้อง” พร้อมสั่ง รร.เตรียมความพร้อมก่อนเปิดเทอม เน้นย้ำมาตรการความปลอดภัยของสถานศึกษา appeared first on กระทรวงศึกษาธิการ.

Share This Article

Related Post