จังหวัดพัทลุง – 24 มกราคม 2568 / พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาและติดตามการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการสนับสนุนการศึกษาภูมิภาคในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา) โดยมี พระศรีธรรมประสาธน์ เจ้าคณะจังหวัดพัทลุง นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ผู้บริหารหน่วยงานทางการศึกษา ข้าราชการ บุคลากรในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ร่วมให้การต้อนรับ ณ วิทยาลัยเทคนิคพัทลุง

มอบนโยบายผู้บริหารหน่วยงานทางการศึกษากลุ่มจังหวัดฝั่งอ่าวไทย

รมว.ศธ. กล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจราชการและมอบนโยบายผู้บริหารหน่วยงานทางการศึกษากลุ่มจังหวัดฝั่งอ่าวไทยในครั้งนี้ ได้เปิดมุมมองในหลายมิติ ของการบริหารจัดการศึกษา โดยมีผู้บริหารระดับจังหวัด ผู้บริหารหน่วยงานทางการศึกษา และผู้บริหารสถานศึกษาทั้งในสังกัดและนอกสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ มาร่วมพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในด้านการศึกษา ซึ่ง รมว.ศธ. มีความคาดหวังให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความร่วมมือ และการสนับสนุนซึ่งกันและกันระหว่างหน่วยงาน เปรียบดังพี่น้องที่ช่วยเหลือกัน เพื่อให้การจัดการศึกษามีความก้าวหน้าและตอบโจทย์นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการและประเทศในทุกมิติ

มิติด้านการบริหารจัดการศึกษา ขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ ให้ขับเคลื่อนนโยบายร่วมกันอย่างมีเอกภาพ โดยมุ่งเป้าหมายไปที่การบริหารจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่สำคัญ เช่น การลดปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษา (Zero Dropout) การสอบ PISA และ O-Net การรับมือและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ รวมถึงการสนับสนุนด้านสาธารณูปโภคในสถานศึกษา เพื่อสร้างความพร้อมและความมั่นคงให้กับการจัดการศึกษาของประเทศอย่างยั่งยืน

การแก้ไขปัญหา Zero Dropout ขอให้ยึดแนวทางหลักคือ “ป้องกัน แก้ไข ส่งต่อ ติดตามดูแล” โดยในมิติของเด็กสัญชาติไทย เราต้องมุ่งเน้นการป้องกันไม่ให้เด็กต้องหลุดออกจากระบบการศึกษา ส่งเสริมการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับความถนัดและความสนใจของเด็ก รวมถึงการสนับสนุนทรัพยากรร่วมกัน ทั้งนี้การทำงานต้องมีการบูรณาการร่วมกันระหว่างกลุ่มจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียง เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ แนวปฏิบัติและการใช้บุคลากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ

ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ มีศักยภาพและความน่าสนใจควรมีการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับจำนวนนักเรียนในแต่ละโรงเรียน มีการวิเคราะห์ผลการสอบ O-NET และ PISA เพื่อนำมาเปรียบเทียบและประเมินคุณภาพการศึกษา ทั้งในโรงเรียนรัฐและเอกชน เพื่อยกระดับมาตรฐานการเรียนการสอน การสอบ O-NET และ PISA เป็นมาตรฐานสำคัญในการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญต่อการพัฒนานโยบายการศึกษาของประเทศ หากผลการสอบสูงขึ้น จะช่วยเสริมภาพลักษณ์เชิงบวกต่อมาตรฐานการศึกษาของไทย

มิติด้านความร่วมมือ เน้นย้ำการสร้างเครือข่ายการศึกษาภายใต้แนวคิด “จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน” โดยส่งเสริมการทำงานใน “แนวดิ่ง” ตั้งแต่ระดับอนุบาล มัธยม อาชีวะ จนถึงอุดมศึกษา เพื่อเชื่อมโยงการเรียนรู้ในทุกระดับให้สอดประสานกัน และใน “แนวราบ” เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างโรงเรียนและหน่วยงานต่าง ๆ เป้าหมายสำคัญคือการพัฒนาเด็กไทยให้มีความสามารถ “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” พร้อมยกระดับคุณภาพการศึกษาทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศ โดยเน้นย้ำว่า “ทุกจังหวัดต้องเป็นหนึ่งเดียว”

โมเดลการบริหารจัดการคือเราจะไม่ขับเคลื่อนการดำเนินงานเพียงหน่วยเดียว แต่จะมีการร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการศึกษา เพื่อเสริมสร้างข้อมูลและการทำงานร่วมกัน โดยพิจารณาบริบทที่แตกต่างกันของแต่ละจังหวัด และเพื่อให้การดำเนินการเกิดประโยชน์สูงสุดจะต้องมีการประสานงานและการทำงานร่วมกันในการยกระดับคุณภาพการศึกษาในทุกมิติ

มิติด้านความปลอดภัย เรื่องความปลอดภัยในสถานศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาในระดับใดก็ตาม ซึ่ง รมว.ศธ. มีนโยบายในการยกเลิกครูเวร ดังนั้นจึงต้องประสานขอความร่วมมือจากหน่วยงานปกครองในท้องที่ สำนักงานตำรวจ เพื่อให้ความร่วมมือในการดูแลความปลอดภัยของนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา เพื่อสร้างความมั่นใจว่ากระทรวงศึกษาธิการพร้อมที่จะดูแลสวัสดิภาพของทุกคน

ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดนั้น ได้ดำเนินการโครงการครูแดร์ (D.A.R.E.) ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งเน้นการให้ความรู้แก่เด็กนักเรียนเกี่ยวกับอันตรายของสุราและยาเสพติด รวมถึงการสร้างทักษะในการลดปัญหาความรุนแรงในชีวิตประจำวัน โดยโครงการดังกล่าวช่วยส่งเสริมให้เด็กมีความสามารถในการตัดสินใจและดำเนินชีวิตไปในแนวทางที่ถูกต้องเหมาะสม ทั้งนี้ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ร่วมมือกันให้สถานศึกษากลายเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยและส่งเสริมการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ภายหลังจบการประชุมมอบนโบบาย รมว.ศธ. ได้เยี่ยมชมสุดยอดนวัตกรรมของอาชีวศึกษา วิทยาลัยเทคนิคพัทลุง ที่ได้รับรางวัลจากการประกวดสิ่งประดิษฐ์รุ่นใหม่ อาทิ หุ่นยนต์ศรีตลุง ABU ชมรมวิชาชีพช่างยนต์ สิ่งประดิษฐ์ตู้ตากอาหารจากพลังงานความร้อน การสกรีนผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์อาหารจากข้าวสังข์หยด และผลิตภัณฑ์เวชสำอางต่าง ๆ ซึ่ง รมว.ศธ. ได้กล่าวชื่นชมน้อง ๆ นักศึกษาและคุณครู ในความตั้งใจและขอให้พัฒนาฝีมือเพื่อเป็นกำลังสำคัญในอนาคตต่อไป

การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาของ รมว.ศธ.

โรงเรียนพัทลุงคริสเตียน สังกัด สช. ซึ่งใช้กระบวนการมอนเตสซอรี (Montessori Approach) ในการจัดการเรียนการสอน

รมว.ศธ. กล่าวว่า แนวคิดการจัดการศึกษาตามหลักมอนเตสซอรี โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของนักเรียนอย่างเป็นธรรมชาติ และส่งเสริมความต้องการเฉพาะบุคคล เป็นแนวทางที่ช่วยส่งเสริมความสุขของผู้เรียนบนพื้นฐานของความรักและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จึงขอให้มีการถ่ายทอดแนวคิดนี้ไปยังศูนย์เด็กเล็กในพื้นที่ โดยจัดให้ครูผู้สอนทำหน้าที่แนะนำและนิเทศการเรียนการสอน เพื่อประยุกต์ใช้แนวคิดดังกล่าวในการจัดการศึกษาให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดีขึ้น ซึ่งคงต้องขอความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดในการประสานงานกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด และองค์การบริหารส่วนตำบล ไปยังศูนย์การเรียนในสังกัด เพื่อขับเคลื่อนและถ่ายทอดแนวคิดตามหลักสูตรมอนเตสซอรี สู่การพัฒนาผู้เรียนในวัยปฐมวัยอย่างมีคุณภาพ

สำหรับส่วนราชการในสังกัด ขอให้มีการบูรณาการด้านการจัดการศึกษาในพื้นที่ โดยสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนหน่วยงานจัดการศึกษา โดยเฉพาะการส่งครูพี่เลี้ยงไปถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์แก่ศูนย์ฝึกและศูนย์เด็กเล็กต่าง ๆ และขอความร่วมมือจากผู้บริหารในพื้นที่ร่วมกันระดมความคิดในการพัฒนาหลักสูตรที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความดีและพัฒนาศักยภาพผู้เรียนในภาพรวมให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ท้ายสุดนี้ สพฐ. ต้องเร่งดำเนินการป้องกันและลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในโรงเรียน เช่น อุบัติเหตุภายในห้องน้ำ โดยขอให้ตรวจสอบและปรับปรุงผนังกั้นห้องน้ำให้มีความเหมาะสม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและความเหมาะสมสำหรับนักเรียนเป็นสำคัญ

วิทยาลัยสารพัดช่างพัทลุง สังกัด สอศ. จัดการเรียนการสอนรูปแบบการฝึกอบรมอาชีพ หลักสูตรวิชาชีพระยะสั้นสำหรับประชาชน

รมว.ศธ. กล่าวว่า ขอชื่นชมการจัดการเรียนการสอน หลักสูตรในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งการฝึกอบรมอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกวิชาช่างตัดผมและเสริมสวย หลักสูตรอาหารและโภชนาการ หลักสูตรอาหารและเบเกอรี่ โดยหลักสูตรเน้นการฝึกปฏิบัติจริง พร้อมทั้งจัดการฝึกอาชีพระยะสั้นให้แก่ประชาชน ถือเป็นการส่งเสริมการ Re-Skill, Up-Skill และ New-Skill สำหรับนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป

โรงเรียนอนุบาลป่าบอน สังกัด สพฐ. จัดการเรียนการสอนขั้นพื้นฐาน ตั้งแต่ ระดับปฐมวัย – ป.6

รมว.ศธ. กล่าวว่า การจัดกิจกรรมการศึกษาของโรงเรียนฯ มีความสร้างสรรค์ สนุก และสร้างความสุขให้นักเรียน และยังส่งเสริมทักษะด้านต่าง ๆ ขอให้นำเกมและกิจกรรมต่าง ๆ ให้ทุกคนโรงเรียนได้มีโอกาสในการได้เรียนรู้อย่างเท่าเทียม ซึ่งมีการจัดการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีการจัดกิจกรรมการศึกษา 4 รูปแบบ ที่ส่งเสริมทักษะด้านคณิตศาสตร์ วิทยาการคำนวณ ทักษะภาษาจีน-อังกฤษ และการจัดประสบการณ์การเรียนรู้นอกห้องเรียน รวมถึงการส่งเสริมทักษะด้านดนตรี การจัดสวนถาด การแสดงรำมโนราห์ ซึ่งทุกกิจกรรมที่ทางโรงเรียนจัดการเรียนการสอนจะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนในทุกมิติ

“สมมติฐานของ รมว.ศธ. คือการสร้างความสุขในมิติของการศึกษา ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน ซึ่งผลการเรียนที่ดีจะส่งผลให้เกิดความสุข ความพึงพอใจ จนสร้างความมั่นคงในชีวิตของผู้เรียน การเรียนที่ดีจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านต่าง ๆ เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการให้บรรลุเป้าหมายในทุกมิติ”

สำหรับการลงพื้นที่ฯ ในครั้งนี้ มีผู้บริหาร ศธ. เข้าร่วม อาทิ นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัด ศธ., ว่าที่ ร.ต. ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ., นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการ กอศ., นายประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ สกศ., นายณรงค์ชัย เจริญรุจิทรัพย์ รองเลขาธิการ กอศ., นายธนากร ดอนเหนือ อธิบดี สกร., นายมณฑล ภาคสุวรรณ์ เลขาธิการ กช., นางอมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการ คส. และนายสุรศักดิ์ อินศรีไกร – นายชูสิน วรเดช ผตร.ศธ.

อานนท์ วิชานนท์ / ข่าว-กราฟิก
ศศิวัฒน์ แป้นคุ้มญาติ / ภาพ

Share This Article

Related Post