มติคณะรัฐมนตรี 18
มติคณะรัฐมนตรี เมื่...
กระทรวงศึกษาธิการ – 6 พฤษภาคม 2568 / พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานและมอบแนวทางการขับเคลื่อนนโยบาย “การป้องกันและแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา” พร้อมด้วยนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศธ. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ศธ. นางสาวพิมพ์พร ชีวานันท์ เลขานุการ รมว.ศธ. นายพิษณุ พลธี ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.ศธ. ในฐานะประธานคณะทำงานแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าของกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีนายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัด ศธ. นายวรัท พฤกษาทวีกุล รองปลัด ศธ. ผู้บริหาร ศธ. นำพนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา (พสน.) ตลอดจนตัวแทนนักเรียน นักศึกษาทั่วประเทศ เข้าร่วม ณ ห้องประชุมบุณยเกตุ หอประชุมคุรุสภา
รมว.ศธ. กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่เข้าถึงเด็กและเยาวชนได้ง่าย ผ่านช่องทางการโฆษณาออนไลน์และกลยุทธ์ที่แฝงมาในรูปแบบที่น่าสนใจ อาทิ ลูกอม ขนมหรือของเล่น ทำให้เกิดความอยากรู้อยากลองในกลุ่มน้อง ๆ เยาวชน
ศธ. จึงได้ออกมาตรการและกำหนดแนวทางการดำเนินงานโดยพิจารณาใน 2 มิติสำคัญ คือ การวิเคราะห์ปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยยึดหลักอริยสัจ 4 คือการโดยมุ่งหาสาเหตุของปัญหา ไม่ว่าจะเป็นความง่ายในการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้า การขาดความรู้ความเข้าใจ และการขาดการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมตั้งเป้าหมายในการสร้างโรงเรียนปลอดบุหรี่ไฟฟ้า และลดจำนวนผู้ใช้ในกลุ่มเด็กและเยาวชนให้เป็นศูนย์ และกำหนดแนวทางแก้ไขด้วยการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้ การออกมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด รวมถึงการดำเนินการทางวินัยกับครูและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง หากตรวจพบว่ามีส่วนสนับสนุนหรือเพิกเฉยต่อปัญหาให้ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด
การดำเนินงานตามหลัก “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ประเทศไทยมี 77 จังหวัด ซึ่งแต่ละพื้นที่มีบริบทเฉพาะตัว การแก้ไขปัญหาจึงต้องอาศัยความเข้าใจในพื้นที่จริง และออกแบบมาตรการที่เหมาะสมกับชุมชนและโรงเรียนในแต่ละท้องถิ่น เวทีเสวนาครั้งนี้ จะเป็นพื้นที่ในการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน นำไปสู่การวิเคราะห์และสังเคราะห์เพื่อพัฒนาแนวทางเชิงนโยบายอย่างรอบด้านทุกมิติ ไม่จำกัดเฉพาะเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพฤติกรรมและผลิตภัณฑ์ที่แฝงอันตรายอื่น ๆ เช่น ขนมหวาน หรือของเล่นที่ใช้เป็นเครื่องมือชักจูงเด็กเข้าสู่วงจรเสพติด
“กระทรวงศึกษาธิการตั้งเป้าหมายให้โรงเรียนทั่วประเทศเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” หรือ “พื้นที่สีขาว” ที่ปลอดจากบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และยาเสพติดทุกประเภท โดยอาศัยความร่วมมือจากนักเรียน ครู บุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครอง ผู้ประกอบการ และภาคประชาสังคม พร้อมขยายการสื่อสารให้เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างการตระหนักรู้ในวงกว้าง หวังให้ทุกคนในสังคมร่วมมือกันผลักดันให้เยาวชนไทยเติบโตในพื้นที่ที่ปลอดภัย และมีภูมิคุ้มกันจากภัยสังคมทุกรูปแบบ เพราะทุกคนมีบทบาทในการสร้างอนาคตให้กับเด็กไทย การทำให้โรงเรียนเป็นพื้นที่สีขาว ไม่ใช่เพียงหน้าที่ของครูหรือผู้บริหาร แต่คือความร่วมมือของทุกคนในสังคม”
ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.ศธ. กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์ปัจจุบัน พบว่า “บุหรี่ไฟฟ้า” ได้กลายเป็นสิ่งเสพติดยุคใหม่ที่ได้รับความนิยม และแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูทันสมัย กลิ่นหอม และการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียที่เข้าถึงง่าย จึงทำให้เยาวชนจำนวนไม่น้อยเข้าใจผิดว่า เป็นสิ่งที่ปลอดภัย ซึ่งมีแนวโน้มว่าอัตราการใช้จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น เยาวชนสามารถสั่งซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยไม่ต้องแสดงบัตรประชาชน หรือมีข้อจำกัดเรื่องอายุแต่อย่างใด ถือเป็นปัญหาสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันแก้ไข รวมถึงมีมาตรการที่เข้มข้นในการควบคุมและป้องกัน
ประกอบกับ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีการกำชับเร่งด่วนให้ทุกฝ่ายดูแลอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะพื้นที่ใกล้สถานศึกษา ต้องไม่มีการขายบุหรี่ไฟฟ้าให้เยาวชน ศธ. จึงได้กำหนดมาตรการที่เข้มงวด เพื่อให้สถานศึกษาเป็นเขตปลอดบุหรี่ไฟฟ้า และเพิ่มมาตรการป้องกัน ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม และพนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา (พสน.) ตรวจตราบริเวณรอบสถานศึกษา ประสานกับร้านค้าท้องถิ่นไม่ให้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับนักเรียน
ในการนี้ เมื่อเวลา 07.30 น. รมว.ศธ. นำผู้บริหารในสังกัด ร่วมปล่อยแถวขบวนความร่วมมือและปฏิบัติการร่วม นักเรียนปลอดภัยห่างไกลบุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติด เพื่อออกตรวจตราในสถานศึกษาและบริเวณจุดสำคัญทั่วประเทศ ณ บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ
อานนท์ วิชานนท์ / ข่าว
ธนภัทร จันทร์ห้างหว้า / ภาพ
The post “เพิ่มพูน” เดินหน้านโยบายป้องกันบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา มุ่งสร้าง “พื้นที่สีขาว” เพื่ออนาคตที่ดีที่สดใสของเด็กและเยาวชนไทย appeared first on กระทรวงศึกษาธิการ.