ศธ. รำลึกคุรุวีร
จังหวัดปัตตานี – 29 ก...
รมว.ศธ. เป็นประธานการประชุมประสานภารกิจ ครั้งที่ 19/2568 เผย สถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชาที่เกิดขึ้นอยู่ในสถานการณ์ปกติ เชื่อมั่นในการทำงานของฝ่ายรักษาความมั่นคง และความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และได้กำชับให้พื้นที่มีการเตรียมความพร้อมในทุกด้าน ตั้งเป้าหมายขยายผลกิจกรรมโรงเรียนพี่เลี้ยงคู่พัฒนา ให้ครอบคลุมทุกเขตพื้นที่การศึกษา ทั้งหมด 246 (245+กทม.) ภายในเดือนมิถุนายน พร้อมสนับสนุนการเข้าร่วมโครงการกับ OECD-OEC จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา โดยเฉพาะการยกระดับคุณภาพระบบการศึกษาไทยให้สามารถเทียบเคียงกับมาตรฐานสากล พร้อมจัดทำแผนและปฏิทินการดำเนินงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ของกระทรวงศึกษาธิการ ตามที่ ครม. มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568
11 มิถุนายน 2568 / พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมประสานภารกิจ ครั้งที่ 19/2568 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ และผ่านระบบ e-Meeting
ภายหลังการประชุม รมว.ศธ. พร้อมด้วยนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศธ. นางสาวพิมพ์พร ชีวนานันท์ เลขานุการ รมว.ศธ. นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัด ศธ. ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. และนายประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ สกศ. ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องแถลงข่าว
รมว.ศธ. กล่าว ในมิติของการ “ดำเนินงาน แก้ไข ติดตาม ขยายผล” ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมองภาพรวมของการบริหารจัดการอย่างรอบด้านว่าได้ผลเพียงใด โดยให้ความสำคัญกับการประเมินผลอย่างเป็นระบบ หากการดำเนินงานใดที่ดีก็ให้ขยายผล ขณะเดียวกันหากพบว่ายังมีข้อบกพร่องในกระบวนการก็ต้องเร่งปรับปรุงอย่างตรงจุด เพื่อให้การพัฒนาเกิดความต่อเนื่อง
สำหรับสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชาที่เกิดขึ้นนั้น กระทรวงศึกษาธิการมีความห่วงใยนักเรียนและบุคลากรทุกท่าน ซึ่งภาพรวมในขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ปกติ เชื่อมั่นในการทำงานของฝ่ายรักษาความมั่นคง และความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และได้กำชับให้พื้นที่มีการเตรียมความพร้อมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำแผนเผชิญเหตุ การจัดสถานที่หลบภัย ตลอดจนการฝึกซ้อมตามแผนอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที รวมถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว เหตุการณ์ไม่สงบ หรือการก่อเหตุร้ายโดยบุคคลภายนอก พร้อมทั้งประสานงานกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
“ฝากเรื่องการส่งเสริมสุขภาพร่างกายของนักเรียน ด้วยการนำ “มวยไทย” มาบูรณาการกับกิจกรรมการเรียนรู้ในโรงเรียน ซึ่งถือเป็นทั้งการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างสุขภาพ และเป็นการเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมไทยไปควบคู่กัน”
สรุปสาระสำคัญจากการประชุม ดังนี้
การขับเคลื่อนการยกระดับคุณภาพการศึกษาสู่มาตรฐานสากล
รมว.ศธ. กล่าวว่า สำหรับการนำชุดพัฒนาความฉลาดรู้ ควรเสริมทักษะ 3+1 ภาษา ไทย จีน อังกฤษ และดิจิทัล (AI) รวมถึงการขยายผลการดำเนินงานกิจกรรมโรงเรียนพี่เลี้ยงคู่พัฒนา ตั้งเป้าหมายขยายผลกิจกรรมให้ครอบคลุมทุกเขตพื้นที่การศึกษา ทั้งหมด 246 (245+กทม.) ภายในเดือนมิถุนายนนี้
การนำชุดพัฒนาความฉลาดรู้ ในการเสริมทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ การอ่านจับใจความ และการเชื่อมโยง โดยเฉพาะชั้น ม.3 และ ม.4 ได้รับการฝึกฝนผ่านระบบ Computer-Based Test พัฒนาความคล่องในการใช้คีย์บอร์ด ฝึกให้รู้จักอ่านโจทย์ วิเคราะห์เนื้อหา และตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างมีระบบ สำหรับการสร้างคลังข้อสอบตามแนว PISA เขตพื้นที่การศึกษาได้ร่วมมือกันรวบรวมข้อสอบ แบ่งปัน แลกเปลี่ยน และนำไปใช้จริงในห้องเรียน ทั้งในการสอบกลางภาค ปลายภาค หรือกิจกรรมการเรียนรู้
การอบรมครูและบุคลากรทางการศึกษาในรูปแบบ “เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา” (Anywhere Anytime) ผ่านระบบ On-Demand โดยมีการอบรมแบ่งออกเป็นหลายรุ่น ตั้งแต่ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ ครูแกนนำ ไปจนถึงครูผู้สอนทุกกลุ่มสาระ และมีระบบการติดตามและนิเทศอย่างต่อเนื่องทุกสองสัปดาห์ และมุ่งขยายผลสู่การคัดเลือกโรงเรียนและนักเรียนต้นแบบ เพื่อพัฒนาต่อยอดอย่างยั่งยืน โรงเรียนพี่เลี้ยง โรงเรียนวิทยาศาสตร์ และศูนย์วิทยาศาสตร์ได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด
ความก้าวหน้าในการเข้าร่วมโครงการกับ OECD
รมว.ศธ. กล่าวว่า จากรายงานประจำปีขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD : Organisation for Economic Co-operation and Development) ที่รวบรวมข้อมูลและสถิติด้านการศึกษาจากหลายประเทศ เพื่อใช้เปรียบเทียบและวิเคราะห์ระบบการศึกษาในมิติต่าง ๆ ทั้งด้านการลงทุนด้านการศึกษา อัตราการเข้าเรียนและจบการศึกษา รายได้และสถานภาพของครู และความเชื่อมโยงระหว่างการศึกษากับตลาดแรงงาน ซึ่งการเข้าร่วมโครงการกับ OECD จะเป็นประโยชน์ที่เกี่ยวกับการศึกษาในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการยกระดับคุณภาพระบบการศึกษาไทยให้สามารถเทียบเคียงกับมาตรฐานสากล การมีส่วนร่วมในโครงการนี้จะทำให้ประเทศไทยสามารถเข้าถึงข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างประเทศ นำไปสู่การกำหนดนโยบายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี
รมว.ศธ. กล่าวว่า ตามที่มติ ครม. เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 (ภายหลังการประชุมประสานภารกิจ ครั้งที่ 18/2568) เห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ภายใต้การเสนอของกระทรวงศึกษาธิการ จำนวนทั้งสิ้น 15 คณะ ตามที่ ศธ. เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ครม. มีมติเป็นต้นไป สำหรับคณะกรรมการโครงการ “หนึ่งอำเภอ หนึ่งทุน” ได้กำหนดให้มีอำนาจหน้าที่เฉพาะด้านที่เกี่ยวข้องกับการบริหารโครงการฯ ที่ได้รับการขยายระยะเวลาดำเนินการแล้ว ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2567 ในเรื่อง “ขออนุมัติขยายกรอบระยะเวลาการดำเนินโครงการหนึ่งอำเภอ หนึ่งทุน รุ่นที่ 4 ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 – 2569” เท่านั้น
รายชื่อคณะกรรมการทั้ง 15 คณะ ประกอบด้วย
“ฝากให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการทบทวนและพิจารณาการดำเนินงานของคณะทำงานชุดต่าง ๆ ทั้งในส่วนของภารกิจตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และนโยบายสำคัญของรัฐบาลอย่างรอบด้าน เพื่อหารือร่วมกัน เชื่อมโยงภารกิจ พร้อมทั้งสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ส่งเสริมให้คณะทำงานและเจ้าหน้าที่ทุกระดับ “ทำงานด้วยความกระตือรือร้น (Active)” และพร้อมเปิดรับแนวทางใหม่ ๆ ในการดำเนินงาน เพื่อให้เกิด “มิติใหม่ของการบริหารจัดการ” เพื่อขับเคลื่อนการศึกษาไทยไปพร้อมกัน”
อานนท์ วิชานนท์ / ข่าว
อินทิรา บัวลอย / ภาพ
ศุภณัฐ วัฒนมงคลลาภ / วีดิทัศน์
The post ศธ. มั่นใจความปลอดภัยชายแดนฯ กำชับพื้นที่เตรียมการทุกด้าน พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนจริยธรรม AI ในการศึกษาเต็มกำลัง appeared first on กระทรวงศึกษาธิการ.