ศธ. ร่วมเวทีความร่วมมือการศึกษาจีน-อาเซียน สร้างพลเมืองโลกสู่อนาคตยุคดิจิทัล “Smart Education”

งานสัปดาห์ความร่วมมือด้านการศึกษาจีน-อาเซียน ถือเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการศึกษาและวัฒนธรรมระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและสาธารณรัฐประชาชนจีนที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ เมืองกุ้ยหยาง มณฑลกุ้ยโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยในปี 2568 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 – 27 กรกฎาคม 2568 ภายใต้หัวข้อ “Smart Education Empowering People-to-People Exchanges, Educational Cooperation Enhancing Common Development” ซึ่งมีการจัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ อาทิ การจัดการประชุม การจัดสัมมนาทางวิชาการ การจัดนิทรรศการ และกิจกรรมแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาในทุกระดับทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรภาคประชาสังคม องค์การระหว่างประเทศ รวมทั้งนักการทูต ผู้เชี่ยวชาญ และนักการศึกษาจากภูมิภาคอาเซียนและสาธารณรัฐจีน

ปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้ร่วมกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดงานครั้งนี้ว่า “การศึกษา” คือกุญแจสำคัญในการสร้างความเข้าใจระหว่างประชาชน และขับเคลื่อนความร่วมมือของภูมิภาค โดยเฉพาะภายใต้แนวคิด “Smart Education” ที่ไม่เพียงเป็นการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการเรียนรู้ แต่ยังเป็นกลไกขยายโอกาส สร้างความเท่าเทียม ลดข้อจำกัดการเข้าถึงความรู้ และเชื่อมโยงผู้คนจากหลากหลายวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน พร้อมกล่าวว่า ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่การศึกษายุคดิจิทัล เน้นการนำเทคโนโลยี AI และห้องเรียนอัจฉริยะมาใช้ เพื่อเพิ่มความเท่าเทียมในการเข้าถึงการศึกษาอย่างมีคุณภาพ และเพิ่มขีดความสามารถของครูและเยาวชนผ่านการฝึกอบรม การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการพัฒนาหลักสูตรที่บูรณาการทั้งทักษะแห่งอนาคตและมิติสากล ตลอดจนความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน และได้ยืนยันความพร้อมของกระทรวงศึกษาธิการไทยในการร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนวิสัยทัศน์และส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาที่นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นประโยชน์ร่วมกันของภูมิภาค โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางผ่านพลังของการศึกษาอย่างแท้จริง

ช่วงบ่ายในวันเดียวกัน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้เข้าร่วมการสัมมนาจีน-อาเซียนว่าด้วยการแลกเปลี่ยนครูและความร่วมมือ & CAECW-SEAMEO-ACC MasterClass สำหรับครูวิทยาศาสตร์(Teacher Exchanges and Cooperation & CAECW-SEAMEO-ACC MasterClass for Science Teachers) โดยเน้นย้ำว่า “ครู” คือกำลังสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ พร้อมขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า ท่ามกลางโลกปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และระบุว่าบทบาทของครูในยุคปัจจุบันต้องก้าวข้ามจากการเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ ไปสู่ผู้สร้างแรงบันดาลใจ ให้คำปรึกษา ใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ และพัฒนาผู้เรียนแบบองค์รวม ดังนั้น ครูจำเป็นต้องมีทั้งองค์ความรู้และเทคนิควิธีการสอนที่สามารถบูรณาการความรู้และเครื่องมือทางการศึกษาอย่างรอบด้านและครอบคลุม

นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวถึงบทบาทของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางความร่วมมือด้านการศึกษาในภูมิภาค ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์ระดับภูมิภาคขององค์การซีมีโอ (SEAMEO) จำนวน 5 แห่ง และเครือข่าย จำนวน 1 แห่ง ได้แก่ ศูนย์ไรเฮด (SEAMEO RIHED)ศูนย์สปาฟา (SEAMEO SPAFA) ศูนย์เซ็พส์ (SEAMEO SEPS) ศูนย์สเต็มเอ็ด (SEAMEO STEM-ED) ศูนย์ทรอปเม็ด (SEAMEO TROPMED) และเครือข่ายทรอปเม็ด (SEAMEO TROPMED Network) ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและเป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาครู สะเต็มศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต พร้อมแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีของประเทศไทยในการพัฒนาการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งทำหน้าที่ขับเคลื่อนการพัฒนาการวิจัย การพัฒนาหลักสูตร สื่อการเรียนรู้ การวัดประเมินผล และการอบรมครู เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีสมรรถนะทันต่อพัฒนาการของโลก รวมทั้งศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยสะเต็มศึกษาของซีมีโอซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการวิจัย พัฒนานวัตกรรม จัดอบรมและให้คำปรึกษาด้านสะเต็มศึกษาสำหรับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โดยประเทศไทยมีความเชื่อมั่นว่า การพัฒนาครูเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และอนาคตที่ยั่งยืน โดยมุ่งส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนระหว่างสถาบันผลิตครู โรงเรียน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นกลไกการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพตามบริบทของแต่ละพื้นที่ ตลอดจนการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตรงระหว่างครูซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่ช่วยพัฒนาวิชาชีพครูอย่างยั่งยืน และสร้างความเข้าใจที่ดีระหว่างประเทศ พร้อมย้ำว่าเวทีความร่วมมือด้านการศึกษาจีน-อาเซียน (CAECW) จะเป็นโอกาสที่ดีให้ครูได้เรียนรู้และเสริมสร้างทักษะศตวรรษที่ 21 เพิ่มพูนเข้าใจวัฒนธรรมที่หลากหลาย ขยายมุมมองทางวิชาชีพเพื่อตอบรับความต้องการของภูมิภาค และเติบโตไปด้วยกันบนพื้นฐานของความเข้าใจ ความหลากหลายและการเรียนรู้ร่วมกัน

ทั้งนี้ นอกจากการประชุมเชิงวิชาการแล้ว เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 เวลา 20.00 น. ผู้เข้าร่วมงานและประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสร่วมรับชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมจีน–อาเซียน ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองมิตรภาพระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศสมาชิกอาเซียน โดยมีการแสดงจำนวนทั้งสิ้น 14 ชุด ประกอบด้วยการแสดงจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศไทย และอินโดนีเซีย สำหรับประเทศไทยได้ร่วมนำเสนอแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมผ่านชุดการแสดง จำนวน 2 ชุด โดยเป็นผลงานของคณะนักเรียนโรงเรียนสามชัยวิเทศศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของไทย พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงพลังสร้างสรรค์ของเยาวชนไทยบนเวที

The post ศธ. ร่วมเวทีความร่วมมือการศึกษาจีน-อาเซียน สร้างพลเมืองโลกสู่อนาคตยุคดิจิทัล “Smart Education” appeared first on กระทรวงศึกษาธิการ.