“สุรศักดิ์” ยืนยัน ศธ. ยังคงเดินหน้าลดภาระครูฯ ต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มความปลอดภัยนักเรียนทั่วประเทศ กำชับสถานศึกษาซ้อมแผนเผชิญเหตุอย่างเข้มข้น

รมช.ศธ. “สุรศักดิ์” เป็นประธานการประชุมประสานภารกิจ ครั้งที่ 20/2568 เผย ความห่วงใยนายกรัฐมนตรีต่อความปลอดภัยของนักเรียน ในสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา สั่งการให้ดำเนินการซ้อมแผนเผชิญเหตุอย่างเข้มข้น และบรรจุการแผนฝึกซ้อมในหลักสูตรการฝึกประจำปี พร้อมแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและตระหนักถึงปัญหาที่ครูและบุคลากรต้องเผชิญในการปฏิบัติงาน พร้อมเดินหน้านโยบายหลักในการลดภาระงานครูอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังขยายผลการดำเนินงานพี่เลี้ยงโรงเรียนเครือข่ายร่วมพัฒนา โดยกลุ่มโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาไปยังโรงเรียนเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัด 245 เขต ทั่วประเทศ น้อมรับผลการวัดระดับ IMD ภาพรวมความสามารถทางการแข่งขันของประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 30 เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2568 และดำเนินการตามมาตรการใช้จ่ายภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ

18 มิถุนายน 2568 / พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มอบหมายให้ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมประสานภารกิจ ครั้งที่ 20/2568 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ และผ่านระบบ e-Meeting

ภายหลังการประชุม รมช.ศธ. พร้อมด้วยนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ศธ. นางสาวพิมพ์พร ชีวานันท์ เลขานุการ รมว.ศธ. ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. และนายประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ สกศ. ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องแถลงข่าว

รมช.ศธ. กล่าวว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา นายกรัฐมนตรีได้แสดงความห่วงใยต่อความปลอดภัยของนักเรียน โดยเฉพาะนักเรียนในศูนย์การเรียนรู้ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดน จึงมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการซ้อมแผนเผชิญเหตุอย่างเข้มข้น โดยให้ความสำคัญกับการใช้อุปกรณ์ป้องกันภัย และขอให้มีการบรรจุการฝึกซ้อมเหล่านี้ไว้ในหลักสูตรการฝึกประจำปี

โดยแผนเผชิญเหตุและการฝึกซ้อมความปลอดภัยควรครอบคลุมทุกจังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดน ไม่จำกัดเพียงจังหวัดในแนวชายแดนภาคตะวันออกเท่านั้น เพื่อยกระดับความปลอดภัยของโรงเรียนทั่วประเทศ โดยเฉพาะการฝึกซ้อมการเข้าที่หลุมหลบภัยหรือพื้นที่ปลอดภัยในสถานการณ์ฉุกเฉิน

ซึ่ง รมว.ศธ. ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนในจังหวัดชายแดนหลายพื้นที่ พบว่ายังมีศูนย์อพยพหรือพื้นที่ปลอดภัยบางแห่งที่ตั้งอยู่ไกลจากโรงเรียน ซึ่งไม่เหมาะสมต่อการใช้งานในสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงเห็นว่า “ควรมีการปรับปรุงหรือจัดตั้งพื้นที่ปลอดภัยให้อยู่ใกล้โรงเรียนมากที่สุด” เพื่อให้สามารถเข้าใช้งานได้ทันทีหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ขอให้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อยกระดับมาตรการความปลอดภัยในสถานศึกษา และสร้างความมั่นใจให้กับนักเรียน ครู และผู้ปกครองในทุกพื้นที่

“จากเหตุการณ์อันน่าเศร้าที่เกิดขึ้น กระทรวงศึกษาธิการขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคนล้วนมีความสำคัญยิ่ง เราตระหนักถึงปัญหาที่พวกท่านต้องเผชิญในการปฏิบัติงาน โดย สพฐ. ได้เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา ในเบื้องต้นพบว่าอยู่ที่ภาระงานที่นอกเหนือจากการสอน โดยเฉพาะงานธุรการและงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับภารกิจหลักของครู เป็นหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตของครู ศธ. มีนโยบายหลักในการลดภาระงานครูอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับปรุงการบริหารจัดการโดยการนำเทคโนโลยีและระบบ AI มาใช้ในงานด้านเอกสาร การจัดการข้อมูล การย้ายและเลื่อนตำแหน่ง รวมถึงการพัฒนาระบบสนับสนุนงานธุรการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และจะเร่งพิจารณาปรับปรุงวัฒนธรรมองค์กร และการบริหารงานที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของครู เพื่อให้ครูสามารถทำภารกิจหลักในการจัดการเรียนการสอนและพัฒนาผู้เรียนอย่างเต็มที่”

สรุปสาระสำคัญจากการประชุม ดังนี้

การขับเคลื่อนการยกระดับคุณภาพการศึกษาสู่มาตรฐานสากล

รมช.ศธ. กล่าวว่า สำหรับการเติมเต็มและพัฒนาซึ่งมีการขยายไปในเขตพื้นที่การศึกษา และมีหลายเขตพื้นที่ที่ดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม อาทิ สพป.ปราจีนบุรี เขต 1 เน้น “การพัฒนากระบวนการ สะท้อนคิด คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และการอ่าน” โดยการวิเคราะห์นักเรียนเป็นรายบุคคลแยกเป็นรายด้านและรายข้อ เพื่อนำชุดฝึกมาพัฒนาความฉลาดรู้พัฒนานักเรียนตามผลการวิเคราะห์ และส่งเสริมให้ครูใช้แบบการฝึกเขียนคำตอบจากเรื่องที่อ่าน สพป.สุพรรณบุรี เขต 3 มีการนำชุดพัฒนาความฉลาดรู้มาใช้ในการวิเคราะห์ด้านการอ่านเพื่อให้ทราบถึงปัญหาและข้อค้นพบ ให้สัมพันธ์กับ “การฟัง การคิด การพูด และการเขียน”

ในส่วนของการขยายผลของพี่เลี้ยงโรงเรียนเครือข่ายร่วมพัฒนาโดยกลุ่มโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาเป็นรูปแบบของการจัดกิจกรรมขยายผล จากโรงเรียนต้นทาง ไปสู่โรงเรียนปลายทาง และขยายผลของพี่เลี้ยงโรงเรียนเครือข่ายร่วมพัฒนา โดยการจัดการเรียนรู้แบบสองทาง ในขณะนี้มีโรงเรียนที่ได้รับการขยายผล 88 แห่ง จำนวนนักเรียนกว่า 2,997 คน ซึ่งจะขยายผลไปยังโรงเรียนเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัด 245 เขตทั่วประเทศ

ผลการจัดอันดับความสามารถทางการแข่งขันทางการศึกษา IMD 2025

รมช.ศธ. กล่าวว่า ผลการจัดอันดับความสามารถทางการแข่งขันทางการศึกษาจากสถาบัน IMD ประจำปี 2025 พบว่า ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 55 จากทั้งหมด 69 ประเทศ ลดลงจากปีที่ผ่านมา 1 อันดับ ขณะที่ภาพรวมความสามารถทางการแข่งขันของประเทศไทยลดลง 5 อันดับมาอยู่ที่อันดับ 30

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีพัฒนาการทางการศึกษาที่น่าสนใจ โดยเฉพาะตัวชี้วัดด้านสถิติ (Hard Data) ที่มีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องอัตราส่วนนักเรียนต่อครู ระดับผลการสอบ PISA การรู้หนังสือของประชากร และความสามารถด้านภาษาอังกฤษ (TOEFL) ที่ล้วนมีอันดับดีขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของภาครัฐและทุกภาคส่วนในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ประเทศไทยอยู่ในเปอร์เซ็นไทล์ที่ 20.6% แม้อันดับจะลดลง แต่เมื่อเทียบกับจำนวนประเทศที่เข้าร่วมมากขึ้น ถือว่าเรามีความคืบหน้าในบางมิติ โดยเฉพาะในด้านข้อมูลทางการศึกษาที่แม่นยำและการเพิ่มงบประมาณด้านการศึกษาต่อประชากรที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก

ซึ่งในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 3 รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย มีแนวโน้มลดลง ดังนั้นประเทศไทยต้องเร่งรัดการพัฒนา ทั้งเชิงโครงสร้าง เนื้อหา การสอน และความร่วมมือภาครัฐ – เอกชนอย่างเป็นระบบ พร้อมผลักดันให้ผลการจัดอันดับ IMD เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดบูรณาการระดับชาติ เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีบทบาทชัดเจน มีความรับผิดชอบ และสามารถติดตามความก้าวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2568

รมช.ศธ. กล่าวว่า ขอให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2568 และดำเนินการตามมาตรการใช้จ่ายภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งจัดทำข้อเสนอการขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยพิจารณาจากความสำคัญของโครงการ และนโยบายหลักของ ศธ. ที่ได้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณไปแล้วแต่ยังไม่ได้รับจัดสรร โดยเฉพาะในประเด็นการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้เพื่อยกระดับการจัดการเรียนการสอนและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงาน

โดยเตรียมจัดทำข้อมูลชี้แจงต่อคณะอนุกรรมาธิการให้มีความชัดเจน ครอบคลุม พร้อมทั้งพิจารณานำข้อซักถามจากปีงบประมาณที่ผ่านมาเป็นแนวทางในการจัดเตรียมรายละเอียดแผนงาน โครงการ และกรอบวงเงินให้รอบคอบ เพื่อให้การปรับเปลี่ยนงบประมาณส่งผลกระทบต่องานน้อยที่สุด

นอกจากนี้ ขอให้เร่งดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติงาน (Timeline) รายการโครงการที่ยังไม่แล้วเสร็จ รวมถึงงบลงทุนและรายการสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ให้มีความชัดเจน โดยเฉพาะโครงการที่มีวงเงินสูง ควรจัดทำ Flow-chart แสดงขั้นตอนการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ และนำเสนอในการประชุมครั้งต่อไป เพื่อให้สามารถบริหารจัดการงบประมาณได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

การจัดงาน The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025

รมช.ศธ. กล่าวว่า การจัดงาน The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of Artificial Intelligence 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 – 27 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ ถือเป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับบทบาทของประเทศไทยในเวทีโลก โดยเฉพาะในด้านการมีส่วนร่วมกำหนดนโยบายและมาตรฐานด้านจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI)

การจัดงานในครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านจริยธรรม AI ในภูมิภาคอาเซียน พร้อมทั้งกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และความร่วมมือทางวิชาการระหว่างผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ ผู้แทนประเทศสมาชิกองค์การยูเนสโก (UNESCO) ภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาของไทย มีผู้เข้าร่วมประชุมจากหลากหลายประเทศ ทั้งในรูปแบบ ออนไลน์และออนไซต์ โดยนายกรัฐมนตรี จะให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 มิถุนายน 2568 ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยในการผลักดันนโยบายด้านเทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม ส่งเสริมความตื่นตัวของภาครัฐและภาคเอกชนต่อประเด็น AI และส่งผลต่อการนำ AI มาใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสังคม

“ภายใต้ข้อจำกัด ทั้งด้านงบประมาณและทรัพยากรต่าง ๆ กระทรวงศึกษาธิการ ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อให้ครูไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถทำงานได้อย่างมีความสุข รวมถึงสร้างความปลอดภัยของนักเรียนและบุคลากรทุกคน ทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ และการเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตและปฏิบัติงานอย่างมีคุณภาพ”

อานนท์ วิชานนท์ / ข่าว-กราฟิก
ศุภณัฐ วัฒนมงคลลาภ / วีดิทัศน์
ณัฐพล สุกไทย / ภาพ

The post “สุรศักดิ์” ยืนยัน ศธ. ยังคงเดินหน้าลดภาระครูฯ ต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มความปลอดภัยนักเรียนทั่วประเทศ กำชับสถานศึกษาซ้อมแผนเผชิญเหตุอย่างเข้มข้น appeared first on กระทรวงศึกษาธิการ.