30 พฤศจิกายน 2568 – ได้มีการจัดโครงการสัมมนาในหัวข้อ “รวมพลังเครือข่ายสหกรณ์และสมาคมณาปนกิจสงเคราะห์: ก้าวสู่ความยั่งยืนด้วยหลักคิด WIN:WIN” ณ โรงแรมเอเชียแอร์พอร์ต จ.ปทุมธานี การสัมมนาครั้งนี้ถือเป็นการรวมพลังจาก 3 กระทรวงหลัก โดยมี ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้กำกับดูแลกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน โดยมี นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานกรรมการดำเนินการ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.) เป็นผู้กล่าวรายงานที่มาและวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มอบหมายให้ นายวีระ แข็งกสิการ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้แทน เข้าร่วม

การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อนำเสนอประเด็นปัญหาและข้อเสนอเชิงนโยบายต่อรัฐบาลและ 3 กระทรวงหลัก ภายใต้การขับเคลื่อนของ 5 องค์กรเครือข่ายสำคัญ ประกอบด้วย สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.), ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด (ชสอ.), ชุมนุมสทกรณ์ออมทรัพย์ครูไทย จำกัด (ชสอค.), สมาพันธ์ฌาปนกิจสงเคราะห์แห่งประเทศไทย (สณท.), และชุมนุมสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนแห่งประเทศไทย จำกัด (ชสค.) โดยเครือข่ายเหล่านี้มีสมาชิกรวมกันกว่า 11.86 ล้านคน และมีสินทรัพย์รวมกว่า 4.1 ล้านล้านบาท การนำเสนอข้อเสนอเน้นการแก้ไขอุปสรรคข้อขัดข้องที่มีต่อการดำเนินงานของสหกรณ์ และวิกฤตหนี้สินของสมาชิก โดยยึดหลัก WIN:WIN (รัฐได้ความมั่นคง สหกรณ์ได้ความยั่งยืน สมาชิกได้คุณภาพชีวิต)

ข้อเสนอแก้หนี้ครูพุ่งเป้า ศธ.

ประเด็นปัญหาสำคัญที่ถูกนำเสนอคือ วิกฤตหนี้สินครูและแนวทางการแก้ไขปัญหา ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยผู้เข้าร่วมสัมมนาเสนอให้มีการแก้ไขระเบียบการหักเงินเดือน (ศธ. 2551) ที่กำหนดให้หักเงินเดือนแล้วต้องเหลือเงิน 30% ซึ่งระเบียบดังกล่าวนำมาซึ่งปัญหาที่ทำให้สมาชิกต้องไปกู้หนี้นอกระบบ หรือผิดนัดชำระหนี้สหกรณ์

ข้อเสนอการแก้ไขหนี้สินครู ได้แก่

• ยกเว้นระเบียบ การหักเงินเดือนสำหรับกลุ่มข้าราชการบำนาญ และใช้วิธีปรับโครงสร้างหนี้ให้จบภายใน 10 ปี สำหรับกลุ่มประจำการ

• ขอให้ผ่อนผัน นำเงินบำเหน็จตกทอดบางส่วนมาชำระหนี้สถาบันการเงินได้ก่อน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยและปิดบัญชีหนี้วิกฤต

• เสนอให้รัฐจัดหา โครงการกองทุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 100,000 ล้านบาท (ดอกเบี้ย 0-2%) เพื่อ Refinance หนี้ครู ผ่านทางเลือกที่แนะนำคือให้ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูไทย จำกัด (ชสอค.) เป็นศูนย์กลางในการรับเงินก้อนใหญ่และกระจายสู่สหกรณ์สมาชิก เนื่องจากมีความคล่องตัวที่สุด

การขับเคลื่อนงานฌาปนกิจสงเคราะห์ภายใต้ พม.

ในส่วนของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้มีการเสนอการแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับ การจัดสวัสดิการฌาปนกิจสงเคราะห์

ข้อเสนอสำคัญต่อกระทรวง พม. และนายทะเบียน ได้แก่

• แก้ไขประกาศกระทรวง พม. เรื่องค่าจัดการศพและค่าใช้จ่ายบริหารสมาคมฯ ให้สอดคล้องกับต้นทุนความเป็นจริงในปัจจุบัน

• เร่งรัดการออกพระราชบัญญัติฌาปนกิจสงเคราะห์ ฉบับใหม่ เพื่อความชัดเจนและเป็นสากลในการบริหารงาน

• ขอให้นายทะเบียนตีความ ให้สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สามารถฝากเงินกับสหกรณ์หรือชุมนุมสหกรณ์ได้ เพื่อบริหารเงินกองทุนให้งอกเงย

ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า กล่าวเพิ่มเติมว่า ประโยชน์ที่เราได้จากการจัดงานในวันนี้ จะนำไปสู่การแก้ระเบียบ ข้อบังคับ กฎหมายรอง และกฎหมายหลัก เราต้องแยกความแตกต่างระหว่าง กฎหมายหลัก (เช่น พ.ร.บ.) ออกจากกฎหมายรอง กฎหมายหลักนั้นต้องใช้เวลา เพราะต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎรและผ่านสภาก่อนนำความกราบบังคมทูลถวาย เราต้องยอมรับว่าส่วนนี้ต้องใช้เวลา แต่เราต้องเร่งสรุปและขับเคลื่อนส่วน กฎหมายรอง นั้น

ในประเด็นของหนี้สินครู ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน ได้ย้ำกับเลขาธิการ สกสค. ไว้แล้วว่า ต้องแก้ปัญหาหนี้ครูและสวัสดิการครูโดยด่วน อันไหนที่สามารถทำได้ต้อง “ทุบโต๊ะทำ” เราจะมาบอกว่าติดขัดตรงนู้นตรงนี้ไม่ได้ เพราะไม่เช่นนั้นพี่น้องครูก็ลำบาก และจะไม่ปล่อยให้ผู้ปฏิบัติทะเลาะกันเองในสหกรณ์แต่ละแห่ง

แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่อยากจะฝากคือ เราต้องสามัคคีกัน เพื่อก้าวไปสู่ความยั่งยืนภายใต้หัวข้อที่เราตั้งไว้ คือ “Win-Win” (ชนะกับชนะ) ซึ่งหมายความว่า ภาครัฐชนะ สหกรณ์ชนะ และสมาชิกก็ชนะ การบรรลุเป้าหมายวิน-วิน ถือเป็นวัตถุประสงค์สำคัญของการจัดงานในครั้งนี้

สุกัญญา จันทรสมโภชน์ / ข่าว

ศศิวัฒน์ แป้นคุมญาติ / ภาพ

The post ศธ.ร่วมกับ 3 กระทรวงหลัก เครือข่ายสหกรณ์ จับมือแก้หนี้ครู ก้าวสู่ความยั่งยืน ด้วยหลักคิด WIN : WIN appeared first on กระทรวงศึกษาธิการ.

Share This Article

Related Post